การดำเนินการตามมาตรการประหยัดพลังงานของเทศบาลตำบลเวียงชัย เป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองของการปฏิบัติราชการจังหวัดเชียงราย กำหนดให้หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ  จะต้องลดการใช้พลังงาน  ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 จึงให้ถือปฏิบัติดังนี้ 
 1. การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
1.1   ควรกำหนดความเร็วของยานพาหนะให้ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
1.2   จอดรถทุกครั้งให้ดับเครื่องยนต์ทันที
1.3   กำหนดเส้นทางทุกครั้งก่อนเดินทาง
1.4   หมั่นตรวจสอบระบบต่าง ๆ และเครื่องยนต์ตามกำหนดวิธีการใช้
1.5   จัดบันทึกการใช้ยานพาหนะประจำรถทุกคัน
2.      การประหยัดไฟฟ้า
2.1  ปิดไฟฟ้าแสงสว่างทุกครั้งที่เลิกใช้
2.2  ถอดหลอดไฟฟ้าในบริเวณที่มีความสว่างเกินความจำเป็น
2.3  เลือกใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง
2.4  กำหนดเปิดเครื่องปรับอากาศในเวลา  14.00 น. และปิดในเวลา  16.00 น.
2.5  ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไม่ต่ำกว่า  25  องศาเซลเซียส  (ช่วงเวลา  08.30 – 12.00 น.  ให้ใช้พัดลมแทนการเปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงเช้า)
 2.6  ตรวจบำรุงเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอและทำความสะอาดแผงกรองอากาศทุกเดือนและล้างทำความสะอาดชุดระบายความร้อนทุก 6 เดือน
2.7  เช้าวันหยุดราชการให้เวรรักษาการสถานที่ราชการ (ช่วงกลางคืน)  ปิดไฟฟ้าแสงสว่างทุกดวงก่อนกลับ
2.8  ให้ทุกส่วนแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ดูแลแนะนำให้มีการปฏิบัติตามแนวทางการประหยัดไฟฟ้าโดยเคร่งครัด
3.     อุปกรณ์สำนักงาน
3.1   หลีกเลี่ยงการส่งเอกสารโดยใช้ยานพาหนะให้ส่งทางไปรษณีย์แทน
3.2   การทำงานในสำนักงานนอกเวลาราชการให้กำหนดตามความเหมาะสม
3.3   กำหนดเวรรักษาการสำนักงานฯ ตรวจและเปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น

มาตรการด้านการประหยัดน้ำ

เทศบาลตำบลเวียงชัย

1. การสำรวจตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำตั้งแต่ท่อน้ำรั่วภายในหน่วยงาน โดยการปิดก๊อกน้ำทุกตัว หากมีการเคลื่อนไหวโดยที่ไม่มีใครเปิดน้ำใช้ให้เรียกช่างมาซ่อมทันที

2. ตรวจสอบชักโครกว่ามีจุดรั่วซึมหรือไม่ โดยหยดสีผสมอาหารลงในถังพักน้ำและสังเกตดูคอห่านหากมีน้ำสีลงมาโดยไม่ได้กดชักโครกให้รีบซ่อมแซม

3. ไม่เปิดน้ำไหลตลอดเวลาขณะล้างหน้าเพราะจะสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์นาทีละหลายๆลิตร

4. ไม่ทิ้งเศษอาหาร กระดาษ สารเคมีทุกชนิด ลงในชักโครกเพราะจะสูญเสียน้ำปริมาณมากในการชักโครกเพื่อไล่สิ่งของดังกล่าวลงท่อ

5. ให้ใช้สบู่เหลวแทนสบู่ก้อนเมื่อต้องการล้างมือเพราะการใช้สบู่ก้อนล้างมือจะใช้เวลามากกว่าการใช้สบู่เหลว ที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมากกว่า แต่การล้างมือด้วยสบู่เหลวที่เข้มข้ นก็จะใช้น้ำมากกว่าการล้างมือด้วยสบู่เหลวที่ไม่เข้มข้นเช่นกัน

6. ไม่ทิ้งน้ำดื่มที่เหลือในแก้วโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด อาจนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ ใช้ชำระพื้นผิวหรือใช้ทำความสะอาดสิ่งต่าง ๆ ตลอดจนให้ใช้เหยือกน้ำกับแก้วเปล่าในการบริการน้ำดื่มและให้ผู้ที่ต้องการดื่มรินน้ำดื่มเองและควรดื่มให้หมดทุกครั้ง

7. การจะล้างจานให้ล้างในภาชนะที่ขังน้ำไว้ จะประหยัดน้ำได้มากกว่าการล้างจานด้วยวิธี ที่ปล่อยให้น้ำไหลจากก๊อกน้ำตลอดเวลา

8. การล้างรถไม่ควรใช้สายยางและเปิดน้ำให้ไหลตลอดเวลา เพราะจะใช้น้ำมากถึง 400 ลิตรแต่การล้างด้วยน้ำและฟองน้ำในกระป๋องหรือภาชนะบรรจุน้ำจะลดการใช้น้ำได้มากถึง 300 ลิตรต่อการล้าง 1 ครั้ง

9. การรดน้ำต้นไม้ให้ใช้สปริงเกิลหรือฝักบัวรดน้ำแทนการฉีดน้ำด้วยสายยางและไม่ควรรดน้ำต้นไม้ตอนแดดจัด เพราะน้ำจะระเหยหมดไปเปล่าๆ แต่ควรรดน้ำต้นไม้ในตอนเช้าที่อากาศยังเย็นอยู่จะช่วยประหยัดน้ำได้มาก จากนั้นให้นำหลักการ 3R คือลดการใช้น้ำ (Reduce) ใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่

(Recycle) มาปรับใช้ตามความเหมาะสมกับหน่วยงานด้วย